1. คุณคิดว่า Web Services คืออะไร
ตอบ
W e b S e r v i c e s คื อ อ ะ ไ ร เ ว็ บ เ ซิ ร์ ฟ วิ ส คื อ ซ อ ฟ ต์ แ ว ร์ ที่ ช่ ว ย ใ น ก า ร แ ล ก เ ป ลี่ ย น ข้ อ มู ล ร ะ ห ว่ า ง ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ ผ่ า น ร ะ บ บ อิ น เ ต อ ร์ เ น็ ต
Web Services คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมา
เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย
โดยที่ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ คือ XML เว็บเซอร์วิสมีอินเทอร์เฟส
ที่ใช้อธิบายรูปแบบข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ ลักษณะการให้บริการของ Web
Services นั้น จะถูกเรียกใช้งานจาก application อื่นๆ ในรูปแบบ RPC (Remote Procedure Call) ซึ่งการให้บริการจะมีเอกสารที่อธิบายคุณสมบัติของบริการกำกับไว้
โดยภาษาที่ถูกใช้เป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนคือ XML ทำให้เราสามารถเรียกใช้
Component ใด ๆ ก็ได้ ใน ระบบ หรือ Platform ใด ๆ ก็ได้ บน Protocol HTTP ซึ่งเป็นProtocol สำหรับ World
Wide Web หรืออินเทอร์เน็ต
อันเป็นช่องทางที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในการติดต่อสื่อสารกันระหว่าง Application
กับ Application ในปัจจุบัน
2. มีหลักการทำงานอย่างไร
ตอบ
การทำงานของ
Web Services ประกอบไปด้วย
มาตรฐานหลัก 4 อย่าง ดังนี้
1. XML(Extensible Markup Language) เป็นภาษามาตรฐานที่ทุกระบบสนับสนุน ทำให้ข้อมูลที่มีโครงสร้างของภาษา XML จะถูกนำไปประมวลผลต่ออย่างอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย ภาษา XML จึงถูกนำมาใช้เป็นภาษามาตรฐานในการแลกเปลี่ยนข้อมูลของ Web Services
2. SOAP (Simple Object Access Protocol) เป็นมาตรฐานของเทคโนโลยี Distributed Objects โดยทำหน้าที่ส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ในรูปแบบของ XML ทำให้เรียกใช้งานโปรแกรมข้ามระบบผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้
3. WSDL (Web Services Description Language) เป็นภาษามาตรฐานที่ใช้สำหรับอธิบายการใช้งานโปรแกรมที่เปิดให้บริการ ซึ่งเขียนขึ้นตามแบบมาตรฐาน XML ดังนั้น WSDL จึงเป็นเสมือนคู่มือให้กับระบบ เพื่อเรียนรู้วิธีการเรียกใช้งาน Web Services
4. UDDI (Universal Description, Discovery, and Integration) เป็นระบบมาตรฐานในการอธิบายและค้นหา Web Services โดยเป็นตัวกลางให้ provider มาลงทะเบียนไว้ โดยใช้ไฟล์ WSDL บอกรายละเอียดของบริษัทและบริการที่มีให้ ทำให้ Requestor สามารถค้นหาและทราบว่าบริษัทมีผลิตภัณฑ์และบริการอะไรบ้าง สามารถติดต่อขอดำเนินธุรกิจการค้ากับบริษัทได้โดยอัตโนมัติผ่านทาง Web Services
1. XML(Extensible Markup Language) เป็นภาษามาตรฐานที่ทุกระบบสนับสนุน ทำให้ข้อมูลที่มีโครงสร้างของภาษา XML จะถูกนำไปประมวลผลต่ออย่างอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย ภาษา XML จึงถูกนำมาใช้เป็นภาษามาตรฐานในการแลกเปลี่ยนข้อมูลของ Web Services
2. SOAP (Simple Object Access Protocol) เป็นมาตรฐานของเทคโนโลยี Distributed Objects โดยทำหน้าที่ส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ในรูปแบบของ XML ทำให้เรียกใช้งานโปรแกรมข้ามระบบผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้
3. WSDL (Web Services Description Language) เป็นภาษามาตรฐานที่ใช้สำหรับอธิบายการใช้งานโปรแกรมที่เปิดให้บริการ ซึ่งเขียนขึ้นตามแบบมาตรฐาน XML ดังนั้น WSDL จึงเป็นเสมือนคู่มือให้กับระบบ เพื่อเรียนรู้วิธีการเรียกใช้งาน Web Services
4. UDDI (Universal Description, Discovery, and Integration) เป็นระบบมาตรฐานในการอธิบายและค้นหา Web Services โดยเป็นตัวกลางให้ provider มาลงทะเบียนไว้ โดยใช้ไฟล์ WSDL บอกรายละเอียดของบริษัทและบริการที่มีให้ ทำให้ Requestor สามารถค้นหาและทราบว่าบริษัทมีผลิตภัณฑ์และบริการอะไรบ้าง สามารถติดต่อขอดำเนินธุรกิจการค้ากับบริษัทได้โดยอัตโนมัติผ่านทาง Web Services
3. ขอบข่ายของ
Web Services มีอะไรบ้าง และทำหน้าที่อะไร
ตอบ
ขอบข่ายของ Web Service
พื้นฐานของ Web Service คือ XML และส่วนใหญ่จะใช้ HTTP แต่อาจจจะใช้อินเทอร์เน็ตโพรโทคอลอื่นอย่างเช่น SMTP หรือ FTP ก็ได้ แต่จะพบว่า HTTP ก็เป็นที่รู้จักกันดี และไปได้ทั่วทุกแห่งที่มี internet ส่วน XML คือภาษาสากลที่สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ เพื่อให้เกิดกิจกรรมระว่าง client และบริการ หรือระหว่างส่วนประกอบต่างๆ เบื้องหลัง Web server ก็คือ ข้อความ XML จะถูกแปลงให้การขอบริการจาก Middle ware และผลที่ได้ก็จะแปลงกลับมาในรูป XML
คุณลักษณะพื้นฐานของเว็บเซอร์วิสมีดังนี้
· เว็บเซอร์วิสเป็นซอฟต์แวร์คอมโพเนนท์ที่ระบุตำแหน่งโดยใช้ URI
· อินเตอร์เฟสและการติดตั้งของเซอร์วิสจะนิยาม อธิบาย และค้นหาโดยใช้ ภาษาXML
· เว็บเซอร์วิสสนับสนุนการเรียกใช้จากซอฟต์แวร์ประยุกต์อื่นๆ ผ่านโพรโทคอลอินเตอร์เน็ต
· เว็บเซอร์วิสใช้เอกสารแบบ XML ในการส่งข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้
· เว็บเซอร์วิสช่วยในการเชื่อมโยงโปรแกรมประยุกต์ต่างแพลตฟอร์ม (Cross-platform Integration) ผ่านอินเตอร์เน็ต
· นักพัฒนาสามารถพัฒนาเว็บเซอร์วิสได้โดยใช้โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆเช่น Java, C, C# หรือ Visual Basic และสามารถพัฒนาโดยการเปลงซอฟต์แวร์คอมโพเนนท์ที่มีอยู่ให้เป็นเว็บเซอร์วิส
· เว็บเซอร์วิสจะไม่รวมถึงการจัดการส่วนแสดงผลเหมือน HTML
· เว็บเซอร์วิสจะเป็นซอฟต์แวร์คอมโพเนนท์แบบ loosely couple ดังนั้นแต่ละคอมโพเนนท์จะเป็นอิสระและมีฟังก์ชันที่สมบูรณ์ในตัว
· เราสามารถที่จะค้นหาและเรียกใช้เว็บเซอร์วิสจาก registry ที่เป็นแบบ public หรือ private โดยใช้มาตรฐานกลางเช่น UDDI และ ebXML
· เว็บเซอร์วิสสามารถที่จะเรียกใช้โดย client ต่างๆ ได้เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ พีดีเอ
พื้นฐานของ Web Service คือ XML และส่วนใหญ่จะใช้ HTTP แต่อาจจจะใช้อินเทอร์เน็ตโพรโทคอลอื่นอย่างเช่น SMTP หรือ FTP ก็ได้ แต่จะพบว่า HTTP ก็เป็นที่รู้จักกันดี และไปได้ทั่วทุกแห่งที่มี internet ส่วน XML คือภาษาสากลที่สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ เพื่อให้เกิดกิจกรรมระว่าง client และบริการ หรือระหว่างส่วนประกอบต่างๆ เบื้องหลัง Web server ก็คือ ข้อความ XML จะถูกแปลงให้การขอบริการจาก Middle ware และผลที่ได้ก็จะแปลงกลับมาในรูป XML
คุณลักษณะพื้นฐานของเว็บเซอร์วิสมีดังนี้
· เว็บเซอร์วิสเป็นซอฟต์แวร์คอมโพเนนท์ที่ระบุตำแหน่งโดยใช้ URI
· อินเตอร์เฟสและการติดตั้งของเซอร์วิสจะนิยาม อธิบาย และค้นหาโดยใช้ ภาษาXML
· เว็บเซอร์วิสสนับสนุนการเรียกใช้จากซอฟต์แวร์ประยุกต์อื่นๆ ผ่านโพรโทคอลอินเตอร์เน็ต
· เว็บเซอร์วิสใช้เอกสารแบบ XML ในการส่งข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้
· เว็บเซอร์วิสช่วยในการเชื่อมโยงโปรแกรมประยุกต์ต่างแพลตฟอร์ม (Cross-platform Integration) ผ่านอินเตอร์เน็ต
· นักพัฒนาสามารถพัฒนาเว็บเซอร์วิสได้โดยใช้โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆเช่น Java, C, C# หรือ Visual Basic และสามารถพัฒนาโดยการเปลงซอฟต์แวร์คอมโพเนนท์ที่มีอยู่ให้เป็นเว็บเซอร์วิส
· เว็บเซอร์วิสจะไม่รวมถึงการจัดการส่วนแสดงผลเหมือน HTML
· เว็บเซอร์วิสจะเป็นซอฟต์แวร์คอมโพเนนท์แบบ loosely couple ดังนั้นแต่ละคอมโพเนนท์จะเป็นอิสระและมีฟังก์ชันที่สมบูรณ์ในตัว
· เราสามารถที่จะค้นหาและเรียกใช้เว็บเซอร์วิสจาก registry ที่เป็นแบบ public หรือ private โดยใช้มาตรฐานกลางเช่น UDDI และ ebXML
· เว็บเซอร์วิสสามารถที่จะเรียกใช้โดย client ต่างๆ ได้เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ พีดีเอ
4. Model ของ Web Services คืออะไร และแต่ละส่วนทำหน้าที่อะไร
ตอบ
Model Web Service
โมเดลการทำงานของ Web Services
กระบวนการการทำงานของเว็บเซอร์วิสจะมีขั้นตอนการทำงานเช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ เซอร์วิสที่ใช้ Distributed Computing ซึ่งเราสามารถที่จะแบ่งบทบาทองค์ประกอบของเว็บเซอร์วิสได้เป็นสามส่วน โดยทั้งสามองค์ประกอบมีความสัมพันธ์ดังแสดงในรูปที่ 2 และสามารถอธิบายได้ดังนี้
· ผู้ให้บริการ (Service Provider): ผู้ให้บริการจะมีหน้าที่ในการพัฒนาและติดตั้งเว็บเซอร์วิส และเป็นผู้ที่นิยามความหมาย
ของเซอร์วิสและลงทะเบียนเซอร์วิสกับ Service Registry
· ผู้ใช้บริการ (Service Requestor): ผู้ใช้บริการจะเป็นผู้เรียกใช้เว็บเซอร์วิส โดยอาจทำการค้นหาเซอร์วิสจากเซอร์วิสได
เร็กทอรี่ แล้วทำการเรียกใช้เซอร์วิสจากผู้ให้บริการ
· Service Registry: หรืออาจเรียกว่า Service Broker มีหน้าที่ในการรับลงทะเบียนและช่วยในการค้นหาเว็บเซอร์วิส
Service Registry จะเก็บรายละเอียดของเว็บเซอร์วิสต่างๆเช่น นิยาม และตำแหน่งของเว็บเซอร์วิส ทำหน้าที่คล้ายกับ
สมุดโทรศัพท์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถค้นหาเซอร์วิสที่ต้องการได้
โมเดลการทำงานของ Web Services
กระบวนการการทำงานของเว็บเซอร์วิสจะมีขั้นตอนการทำงานเช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ เซอร์วิสที่ใช้ Distributed Computing ซึ่งเราสามารถที่จะแบ่งบทบาทองค์ประกอบของเว็บเซอร์วิสได้เป็นสามส่วน โดยทั้งสามองค์ประกอบมีความสัมพันธ์ดังแสดงในรูปที่ 2 และสามารถอธิบายได้ดังนี้
· ผู้ให้บริการ (Service Provider): ผู้ให้บริการจะมีหน้าที่ในการพัฒนาและติดตั้งเว็บเซอร์วิส และเป็นผู้ที่นิยามความหมาย
ของเซอร์วิสและลงทะเบียนเซอร์วิสกับ Service Registry
· ผู้ใช้บริการ (Service Requestor): ผู้ใช้บริการจะเป็นผู้เรียกใช้เว็บเซอร์วิส โดยอาจทำการค้นหาเซอร์วิสจากเซอร์วิสได
เร็กทอรี่ แล้วทำการเรียกใช้เซอร์วิสจากผู้ให้บริการ
· Service Registry: หรืออาจเรียกว่า Service Broker มีหน้าที่ในการรับลงทะเบียนและช่วยในการค้นหาเว็บเซอร์วิส
Service Registry จะเก็บรายละเอียดของเว็บเซอร์วิสต่างๆเช่น นิยาม และตำแหน่งของเว็บเซอร์วิส ทำหน้าที่คล้ายกับ
สมุดโทรศัพท์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถค้นหาเซอร์วิสที่ต้องการได้
5. ถ้าคุณจะเรียกใช้งาน
Web Services จะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
ตอบ
การเรียกใช้งาน Web Services
ขั้นตอนการใช้งาน Web Services
ขั้นตอนที่ 1 : Service Requestor ค้นหาบริการผ่าน Service Registry ซึ่งทำให้เรา ได้ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของการบริการ ที่ตั้ง นั้นๆ (หากเรารู้อยู่แล้วว่าการบริการที่เราจะใช้อยู่ที่ไหน มีเอกสาร WSDL เป็นอย่างไร ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ของการบริการ และเอกสาร WSDL บรรยายคุณลักษณะของการบริการ
ขั้นตอนที่ 2 : ติดต่อขอใช้บริการผ่าน Web Application หรือเขียนโปรแกรมขึ้นมาเรียกใช้เมธอดของ Web Service นั้น ๆโดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ในเอกสาร WSDL ที่มีอยู่
ขั้นตอนที่ 3 : ผู้ให้บริการ (Service Provider ) ส่งผลลัพธ์กลับมายังผู้เรียกใช้บริการ (Service Requestor)
การเรียกใช้งาน Web Services
ขั้นตอนการใช้งาน Web Services
ขั้นตอนที่ 1 : Service Requestor ค้นหาบริการผ่าน Service Registry ซึ่งทำให้เรา ได้ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของการบริการ ที่ตั้ง นั้นๆ (หากเรารู้อยู่แล้วว่าการบริการที่เราจะใช้อยู่ที่ไหน มีเอกสาร WSDL เป็นอย่างไร ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ของการบริการ และเอกสาร WSDL บรรยายคุณลักษณะของการบริการ
ขั้นตอนที่ 2 : ติดต่อขอใช้บริการผ่าน Web Application หรือเขียนโปรแกรมขึ้นมาเรียกใช้เมธอดของ Web Service นั้น ๆโดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ในเอกสาร WSDL ที่มีอยู่
ขั้นตอนที่ 3 : ผู้ให้บริการ (Service Provider ) ส่งผลลัพธ์กลับมายังผู้เรียกใช้บริการ (Service Requestor)
6. คุณคิดว่า
Web Services มีประโยชน์อย่างไร
สามารถนำไปพัฒนาเว็บทางด้านใดได้บ้าง
ตอบ
1.Web Services ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศจากแอพพลิเคชันที่ต่างกันเป็นไปโดยง่าย
โดยแอพพลิเคชันนั้นๆ สามารถเขียนด้วย Java และรันอยู่บน Sun Solaris Application Server หรืออาจจะเขียนด้วย C++ และรันอยู่บน Windows NT หรืออาจะเขียนด้วย Perl และรันอยู่บนเครื่อง
Linux ซึ่งมาตรฐานของ Web Service ทำให้อินเทอร์เฟซของแอพพลิเคชันเหล่านี้
ถูกอธิบายโดย WSDL และทำให้อยู่ในมาตรฐานของ UDDI หลังจากนั้น จึงสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันโดย XML ผ่าน SOAP อินเตอร์เฟซ
2.Web Services สามารถถูกเรียกใช้ภายในองค์กรเองหรือจากภายนอกองค์กร โดยผ่านไฟร์วอล์ ดังนั้นจึงมีองค์กรใหญ่ๆ มากมาย กำลังพัฒนาระบบที่มีอยู่ของตน ให้เข้ากับ Web Services ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจาก Web Services สามารถเพิ่มศักยภาพในการทำงานขององค์กร อีกทั้งลดค่าใช้จ่ายในการจัดการทรัพยากรขององค์กรได้อีกทางหนึ่ง
3.นอกจากนั้น Web Services ยังสามารถใช้ร่วมกับ Web Application โดยส่งผ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วยซึ่งนับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหรือหุ้นส่วน ถึงแม้จะต้องคำนึงถึงระบบรักษาความปลอดภัย และการจัดการรายการของข้อมูลอยู่ก็ตาม แต่ Web Services ได้ใช้มาตรฐานทั่วไปของ internet เรื่องดังกล่าวจึงนับเป็นเรื่องธรรมดาของการสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
2.Web Services สามารถถูกเรียกใช้ภายในองค์กรเองหรือจากภายนอกองค์กร โดยผ่านไฟร์วอล์ ดังนั้นจึงมีองค์กรใหญ่ๆ มากมาย กำลังพัฒนาระบบที่มีอยู่ของตน ให้เข้ากับ Web Services ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจาก Web Services สามารถเพิ่มศักยภาพในการทำงานขององค์กร อีกทั้งลดค่าใช้จ่ายในการจัดการทรัพยากรขององค์กรได้อีกทางหนึ่ง
3.นอกจากนั้น Web Services ยังสามารถใช้ร่วมกับ Web Application โดยส่งผ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วยซึ่งนับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหรือหุ้นส่วน ถึงแม้จะต้องคำนึงถึงระบบรักษาความปลอดภัย และการจัดการรายการของข้อมูลอยู่ก็ตาม แต่ Web Services ได้ใช้มาตรฐานทั่วไปของ internet เรื่องดังกล่าวจึงนับเป็นเรื่องธรรมดาของการสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ประโยชน์ของการใช้ Web Service
1. การเกิดพันธมิตรทางการค้าโดยการค้นหาของ UDDI
2. การทำธุรกิจการค้าและบริการเป็นไปโดยอัตโนมัติในระดับ (A2A) โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูล ผ่านทาง Webservices
3. ลดต้นทุนในด้านพัฒนาระบบโดยไม่จำเป็น สามารถขอบริการจาก Web Services
4. ขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้ามีความคล่องตัว สามารถใช้ประโยชน์จากแอพพลิเคชั่นต่าง ๆภายใต้ระบบงานที่แตกต่างกันอย่างรวดเร็ว และคุ้มค่า
5. การพัฒนาช่องทางการเข้าถึงข้อมูลทางธุรกิจสอดคล้องกับผู้ใช้แบบร่วมกันและแบ่งตามส่วนของแต่ละกลุ่มโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่
6. ง่ายต่อการนำไปใช้งานเนื่องจากในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ใช้ช่วยเหลือในการพัฒนา Web Services
1. การเกิดพันธมิตรทางการค้าโดยการค้นหาของ UDDI
2. การทำธุรกิจการค้าและบริการเป็นไปโดยอัตโนมัติในระดับ (A2A) โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูล ผ่านทาง Webservices
3. ลดต้นทุนในด้านพัฒนาระบบโดยไม่จำเป็น สามารถขอบริการจาก Web Services
4. ขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้ามีความคล่องตัว สามารถใช้ประโยชน์จากแอพพลิเคชั่นต่าง ๆภายใต้ระบบงานที่แตกต่างกันอย่างรวดเร็ว และคุ้มค่า
5. การพัฒนาช่องทางการเข้าถึงข้อมูลทางธุรกิจสอดคล้องกับผู้ใช้แบบร่วมกันและแบ่งตามส่วนของแต่ละกลุ่มโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่
6. ง่ายต่อการนำไปใช้งานเนื่องจากในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ใช้ช่วยเหลือในการพัฒนา Web Services
7. จากที่ได้เรียนรู้กับคำถามดังกล่าวแล้ว
คุณคิดว่า Web Services กับ Web Appcation มีความเหมือนหรือว่าต่างกันกัน อย่างไร จงอธิบาย
ตอบ
- Web application นั้น
หลักการก็คือให้คนทั่วไปเข้ามาใช้งาน โดยการคลิก การพิมพ์ เท่านั้นเอง
หรืออีกอย่าง ตัว web application มันก็คือ application
ที่อยู่บนเว็บ หรือ บนอินเตอร์เน็ตเพื่อให้ User ใช้งานนั่นเอง
- Web Service ก็เป็น application ที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตเช่นกัน แต่การใช้งานจะไม่เหมือนกับ web application ตรงที่ User ไม่สามารถใช้งานมันได้โดยตรง จะต้องใช้งาน application ซึ่งอาจจะเป็น web application ที่พัฒนามาแล้วเรียกใช้งานเว็บเซอร์วิสอีกทีหนึ่ง หรือจะเป็น application (ไม่ใช่เว็บ) ที่พัฒนามาเพื่อเรียกใช้งานเว็บเซอร์วิสอีกที โดยที่ application เหล่านี้จะถูกพัฒนาบนอุปกรณ์ใดๆ ก็ได้เพื่อให้ได้ใช้งานได้สะดวก จึงกล่าวว่า web services เป็นโปรแกรมแอพพลิเคชั่นที่ถูกสร้างมาเพื่อให้ application ใช้งานนั่นเอง
- Web Service ก็เป็น application ที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตเช่นกัน แต่การใช้งานจะไม่เหมือนกับ web application ตรงที่ User ไม่สามารถใช้งานมันได้โดยตรง จะต้องใช้งาน application ซึ่งอาจจะเป็น web application ที่พัฒนามาแล้วเรียกใช้งานเว็บเซอร์วิสอีกทีหนึ่ง หรือจะเป็น application (ไม่ใช่เว็บ) ที่พัฒนามาเพื่อเรียกใช้งานเว็บเซอร์วิสอีกที โดยที่ application เหล่านี้จะถูกพัฒนาบนอุปกรณ์ใดๆ ก็ได้เพื่อให้ได้ใช้งานได้สะดวก จึงกล่าวว่า web services เป็นโปรแกรมแอพพลิเคชั่นที่ถูกสร้างมาเพื่อให้ application ใช้งานนั่นเอง
![]() |
| Web application |
![]() |
| Web Service |







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น